วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ความงดงามคู่บ้านคู่เมือง

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว)
 
 
 
ประวัติวัดพระแก้ว

          เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เสร็จขึ้นครองราชสมบัติ ในปี พ.ศ. 2325 ได้ทรงสถาปนาพระบรมมหาราชวังขึ้น เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2325 โดยมีที่ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับพระราชวังเดิม ของกรุงธนบุรี

          ซึ่งพระบรมมหาราชวังนี้มีเนื้อที่ 152 ไร่ 2 งาน รวมความยาวโดยรอบสี่ด้านกำแพง ได้ทั้งหมด 1,910 เมตร ประกอบไปด้วยป้อมปราการ กับประตูพระราชวังโดยรอบ ภายในของพระบรมมหาราชวัง แบ่งเป็นสี่ส่วน คือ พระราชฐานชั้นนอก พระราชฐานชั้นกลาง พระราชฐานชั้นใน และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

          ลักษณะแบบแผนการก่อสร้างคล้ายคลึงกับพระบรมมหาราชวังเก่าในสมัยกรุงศรีอยุธยา คือ มีวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อยู่ในบริเวณวังเหมือนกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา พระอารามหลวง ในเขตวังนี้นับเป็นแบบธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาแต่โบราณ

          สำหรับ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เช่นเดียวกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา และมีพระราชประสงค์ให้เป็นที่ประดิษฐาน "พระแก้วมรกต" รวมถึงเป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล โดยเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ เพราะมีแต่ส่วนพุทธาวาสไม่มีส่วนสังฆาวาส

เที่ยววัดพระแก้ว
          ภายในวัดพระแก้วมีอาคารสำคัญและอาคารประกอบเป็นจำนวนมาก จึงขอแบ่งกลุ่มอาคารออกเป็น 3 กลุ่ม ตามตำแหน่งและความสำคัญ ดังนี้…

          กลุ่มพระอุโบสถ : เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญสูงสุด มี "พระอุโบสถ" เป็นอาคารประธาน ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ล้อมรอบด้วยศาลาราย พระโพธิ์ธาตุพิมาน หอราชพงศานุสรณ์ หอราชกรมานุสรณ์ หอระฆัง หอพระคันธารราษฎร์
วัดพระแก้ว

วัดพระแก้ว

          สำหรับพระอุโบสถตั้งอยู่ส่วนกลางของวัด มีกำแพงแก้วล้อมรอบ มีซุ้มประดิษฐานเสมารวม 8 ซุ้ม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2326 ก่อนจะสำเร็จเรียบร้อยลงใน พ.ศ. 2328 ส่วนหลักฐานการก่อสร้างและรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมของพระอุโบสถไม่ชัดเจนนัก นอกจากบ่งไว้ว่าฝาผนังรอบนอกเป็นลายรดน้ำปิดทองรูปกระหนกเครือแย่งทรงข้าวบิณฑ์ดอกในบนพื้นสีชาด ฝาผนังด้านในเหนือประตูด้านสกัดเป็นภาพเรื่องมารวิชัยและเรื่องไตรภูมิ ฝาผนังด้านยาวเขียนภาพเทพชุมนุมตามแบบที่สืบเนื่องมาจากสมัยอยุธยา ฝาผนังระหว่างหน้าต่างเขียนภาพเรื่องปฐมสมโพธิ หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบ ซึ่งปรากฏว่ามีการแก้ไขในรัชกาลที่ 3 และ 4 ในภายหลังดังที่เห็นได้ในปัจจุบัน

          ภายในพระอุโบสถได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตั้งแต่เพดานถึงพื้น กลางห้องประดิษฐาน "พระแก้วมรกต" ในบุษบกทองคำพร้อมด้วยพระพุทธรูปสำคัญมากมาย
วัดพระแก้ว

          กลุ่มฐานไพที : กลุ่มอาคารบริเวณฐานไพที มีอาคารหลักสามหลัง คือ ปราสาทพระเทพบิดร พระมณฑป พระศรีรัตนเจดีย์ และวัตถุประดับตกแต่งอื่น ๆ เช่น รูปปั้นสัตว์หิมพานต์ บุษบกพระราชลัญจกร นครวัดจำลอง พระสุวรรณเจดีย์ และพนมหมาก
วัดพระแก้ว

          กลุ่มอาคารและสิ่งประดับอื่น ๆ : หอพระนาก พระเศวตกุฏาคารวิหารยอด หอมณเฑียรธรรม พระอัษฎามหาเจดีย์ ยักษ์ทวารบาล และจิตรกรรมฝาผนังที่พระระเบียง ซึ่งมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังจำนวน 178 ห้อง เรียงต่อกันยาวตลอดฝาผนังทั้ง 4 ทิศ มีเนื้อหาจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์

          ทั้งนี้ วัดพระแก้ว ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยตลอด การบูรณะครั้งใหญ่ทั้งพระอารามมีขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีการเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 100 ปี ใน พ.ศ.2425 ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอาราม ในโอกาสที่มีพระราชพิธีฉลองพระนครครบ 150 ปี ในรัชกาลปัจจุบันโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอารามอีกครั้ง ใน พ.ศ. 2525 เมื่อมีการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นองค์ประธานในการบูรณะ

          วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 - 15.30 น. ยกเว้นแต่วันที่มีพระราชพิธีต่าง ๆ ชาวไทยไม่เสียค่าเข้าชม สำหรับชาวต่างประเทศเสียค่าเข้าชม 200 บาท

 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น